
ก่อนที่คุณจะซื้อสบู่สำหรับรอยสักหรือสบู่ทั่วไป คุณควรพิจารณา 2-3 อย่างที่เป็นปัจจัยสำคัญ สบู่อาบน้ำก็มีความสำคัญพอกับสบู่ล้างหน้า เพราะผิวคือสิ่งที่จะอยู่กับคุณไปตลอด ดังนั้นคุณจำเป็นต้องระวังเรื่องของการใช้สบู่เป็นพิเศษเมื่อไปสักมาใหม่ โดยมีสิ่งที่คุณต้องทำการพิจารณาก่อนซื้อสบู่ก้อนใหม่ดังต่อไปนี้
1.เลือกสบู่สำหรับรอยสัก เหมาะสมกับสภาพผิว
ก่อนจะทาอะไรก็ตามลงบนผิวของเรา เราควรจะรู้ว่าผิวของคุณรู้สึกอย่างไร และผิวของคุณต้องการอะไร ไม่ว่าคุณจะพึ่งไปสักมาใหม่หรือสักมานานแล้ว การรู้สภาพผิวของตัวเองก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกซื้อสบู่ด้วยเช่นกัน
ผิวมันเป็นผิวที่มันเยิ้มเร็วและง่าย หากคุณเป็นคนผิวมัน คุณสามารถใช้สบู่ที่รักษาระดับน้ำมันในผิวของคุณให้มีความสมดุล เพื่อให้มีสุขภาพผิว พร้อมขจัดน้ำมันส่วนเกินออกไป คุณอาจต้องหาสบู่ที่ไม่เพิ่มความมันให้กับผิวที่มัน มีรูขุมขนกว้างอยู่แล้ว ผิวมันไม่ได้แย่เสมอไป มันหมายถึงผิวของคุณมีความชุ่มชื้นอยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องพึ่งส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ คุณสามารถใช้ส่วนผสมที่ทำให้ผิวเกิดความสมดุลได้ และคุณต้องเลี่ยงไม่ซื้อสบู่ที่ล้างความมันจากธรรมชาติบนผิวของคุณให้หายไป โดยส่วนผสมที่ดีต่อผิวมันประกอบด้วยน้ำมันละหุ่ง น้ำมันอัลมอนด์สกัด ว่านหางจระเข้และน้ำมันมะพร้าว
สำหรับผิวแห้ง ผิวแห้งจะทำให้ผิวของคุณรู้สึกแห้งหยาบและขาดน้ำ หากคุณเป็นคนผิวแห้ง คุณจะต้องเลือกสบู่ที่ช่วยเพิ่มระดับความชุ่มชื้นและการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ คุณไม่ควรใช้สบู่ที่อาบแล้วให้ผิวของคุณรู้สึกลื่นเพียงอย่างเดียว แค่ควรเป็นสบู่ที่ปรับสภาพผิวเราให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ผิวแห้งอาจเป็นได้ตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล การขาดน้ำหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งได้ หากคุณกำลังประสบปัญหาผิวแห้งอยู่ คุณจะต้องให้ความใส่ใจกับกิจวัตรดูแลผิวเป็นประจำในทุก ๆ ขั้นตอนและไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาดน้ำหนักกว่าเดิม ส่วนผสมที่เหมาะสำหรับคนผิวแห้งคือว่านหางจระเข้ น้ำมันมะกอก เนยโกโก้ โจโจ้บ้า กรดไฮยาลูโรนิกและกลีเซอรีน
ถ้าคุณรู้สึกว่าผิวของคุณมีความรู้สึกทั้งสองอย่าง นั้นหมายความว่าคุณเป็นคนผิวผสมนั่นเอง คุณต้องใช้สบู่ที่มีส่วนผสมท่าสมดุลที่มอบความชุ่มชื้นและไม่ทำให้ผิวแห้ง บางครั้งผิวผสมสามารถปลอบประโลมได้ดีที่สุดด้วยสบู่สำหรับผิวแพ้ง่าย สบู่ที่ทำมาสำหรับผิวแพ้ง่ายจะไม่ทำลายเกราะป้องกันผิวของคุณ จึงทำให้ผิวเกิดความสมดุล คุณอาจต้องหลีกเลี่ยงส่วนผสมเหล่านี้ หากคุณมีผิวผสมหรือผิวแพ้ง่าย เช่น น้ำหอม สีย้อมสังเคราะห์และโซเดียมลอริลซัลเฟต
2.การทำความสะอาดรอยสักเก่าและใหม่แตกต่างกันหรือไม่
ต่อไปคือการรู้ประเภทรอยสักของตัวเอง การดูแลทำความสะอาดรอยสักขึ้นอยู่กับคุณพึ่งสักมาหรือคุณสักมาสักพักแล้ว
รอยสักใหม่
หากคุณพึ่งไปสักมาใหม่และมันกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูอยู่ คุณจำเป็นต้องระมัดระวังฟองสบู่ที่คุณใช้ทำความสะอาดผิว เพราะรอยสักจะไวต่อส่วนผสมในสบู่เป็นพิเศษ คุณจะต้องไม่เลือกส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง มิฉะนั้นมันจะทำให้การรักษาแผลของคุณใช้เวลานานขึ้นกว่าเดิม
เพื่อให้ได้สบู่ที่ดีในช่วงที่แผลของคุณกำลังฟื้นตัว แผลจะลอกเป็นขุยและอาจมีน้ำหมึกส่วนเกินออกไป แต่คุณไม่จำเป็นต้องไปขัดแผลเพื่อทำความสะอาดมัน การขัดจะยิ่งทำให้แผลยิ่งหายยากกว่าเดิม ดังนั้นคุณจำเป็นต้องพึ่งสบู่ดีที่ปราศจากน้ำหอม ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและอุดมไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิวอักเสบและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว เราแนะนำให้คุณมองหาส่วนผสมอย่างสารสกัดจากชาเขียว คอลลาเจนจากพืช แพนทีนอล กลีเซอรีน ว่านหางจระเข้และน้ำมันอัลมอนด์สกัด
รอยสักเก่า
ถึงรอยสักเก่าจะไม่ละเอียดอ่อนเท่ารอยสักใหม่ แต่คุณจะต้องดูแลมันด้วยความรักและใส่ใจ ตอนนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งบนผิวของคุณแล้ว คุณควรดูแลรอยสักและผิวให้ดีเท่าที่คุณดูแลผิวหน้าของตัวเอง คุณอาจต้องใช้สบู่ที่ปราศจากส่วนผสมที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว หากคุณไม่ดูแลรอยสักอย่างอ่อนโยน มันอาจทำให้รอยสักจางก็เป็นได้
คุณจะต้องใช้สบู่ที่ล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยที่ไม่ทำให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติในผิวไป อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างการผลิตคอลลาเจนและช่วยให้รอยสักดูสดใหม่อยู่เสมอ โดยส่วนผสมที่ควรมีในสบู่ ได้แก่ สารสกัดจากชาเขียว คอลลาเจนจากพืช แพนทีนอล กลีเซอรีน ว่านหางจระเข้ วาซาบิและน้ำมันมะพร้าว

3.ควรใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือไม่
ถ้าพิจารณาถึงกลิ่นของสบู่ สำหรับรอยสักใหม่แล้ว การเลือกสบู่ที่ดีที่สุดคือสบู่ที่ปราศจากน้ำหอม ส่วนผสมอย่างน้ำหอมอาจทำให้เกิดปัญหากับรอยสักได้ องค์การอาหารและยาให้แบรนด์ต่าง ๆ ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มาส่วนผสมของน้ำหอม แต่ไม่จำเป็นต้องบอกว่าทำมาจากอะไร น้ำหอมมักจะใช้สารเคมีที่รุนแรงที่สามารถทำให้ผิวเกิดระคายเคืองได้ แม้ว่าแผลจากรอยสักจะหายแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากคุณชอบสบู่ที่มีกลิ่นหอม คุณจะต้องดูรายการส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ บางบริษัทจะระบุส่วนผสมที่ใช้ทำน้ำหอมและอาจเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติที่ไม่ก่อระคายเคืองได้อย่างน้ำมันมะพร้าว แต่จะดีกว่าถ้าจะใช้สบู่ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมเลยกับรอยสักใหม่ เก็บไว้ใช้เมื่อแผลหายดีแล้วจะดีกว่า
วิธีล้างทำความสะอาดรอยสักใหม่
รอยสักเก่าสามารถทำความสะอาดได้เหมือนผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่รอยสักใหม่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คุณจะต้องล้างทำความสะอาดอย่างระมัดระวังในช่วงอาทิตย์แรกที่แผลกำลังฟื้นฟู โดยมีขั้นตอนในการทำความสะอาดรอยสักดังต่อไปนี้
คุณจะต้องล้างมือก่อน คุณจะต้องห้ามล้างรอยสักเมื่อมือสกปรกอยู่ จากนั้นเตรียมผ้าเช็ดมือแห้งสะอาดไว้ข้าง ๆ
เปิดก๊อกน้ำและปล่อยให้น้ำไหลออกมาก่อน โดยที่อุณหภูมิของน้ำจะต้องไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
หยิบสบู่สำหรับรอยสักออกมาและถูบนฝ่ามือของคุณให้เกิดฟองเล็กน้อย นำฟองที่ได้ลูบล้างบริเวณรอยสักเบา ๆ โดยวนเป็นวงกลมเล็ก ๆ เพื่อเอาผิวหนังส่วนหรือน้ำหมึกส่วนเกินที่ค้างอยู่ออกตามธรรมชาติ อย่าขัดหรือแกะเกาผิวโดยที่ไม่หลุดตามธรรมชาติเป็นอันขาด
ราดแผลด้วยน้ำด้วยน้ำอุ่นจนกว่าสบู่ออกจนหมดและแผลดูสะอาดดีแล้ว
ซับแผลด้วยกระดาษเช็ดมือที่สะอาด ห้ามถู ซับเท่านั้น
ใช้เจลปลอบประโลมผิวและทาเจลบาง ๆ บนรอยสักที่พึ่งทำความสะอาดเสร็จ
คุณควรล้างลองสักทั้งก่อนนอนและหลังตื่นนอน แต่พยายามอย่าล้างทำความสะอาดรอยสักใหม่บ่อยจนเกินไป เพราะมันสามารถทำให้ผิวแห้งและรบกวนกระบวนการฟื้นฟูแผลตามธรรมชาติได้ อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวันและหลังจากที่ทำกิจกรรมที่เหงื่อออกหรือต้องสัมผัสกับสิ่งสกปรก
เราควรมอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบไหน
หลังที่ทำความสะอาดรอยสักด้วยสบู่และล้างน้ำแล้ว คุณจะต้องทำให้รอยสักมีความชุ่มชื้น เพราะการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์จะช่วยให้ผิวและรอยสักของคุณดูสดใสและอ่อนเยาว์ รวมถึงรอยสักที่ดูสวย สดใหม่ด้วยเช่นกัน
รอยสักใหม่
ในช่วงที่รอยสักของคุณกำลังฟื้นตัว คุณจะต้องหาบางอย่างมาเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับรอยสักเป็นพิเศษแทนที่โลชั่นหรือบาล์มรอยสักทั่วไป คุณสามารถใช้เจลปลอบประโลมผิวหรือยาทาผิวที่มีคุณสมบัติในการรักษาและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดีออกไประหว่างการรักษาแผลได้
Brawnnie ได้ทำเจลปลอบประโลมผิวขึ้นมาสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ซึ่งเจลของเราช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองและอาการคัน เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยส่วนผสมของว่านห่างจระเข้ วิตามินซี น้ำมันอาร์แกน สารสกัดจากดอกคาโมไมล์ กลีเซอรีน น้ำมันอัลมอนด์สกัด วิตามินเอและคอลลาเจนจากพืช
เมื่อคุณทาเจลหรือครีมรักษาแผลต่าง ๆ คุณจะต้องทาเป็นชั้นบาง ๆ ถ้าทาหนาเกินไปอาจทำให้รอยสักอุดตันได้ เพราะมันจำเป็นต้องมีอากาศไหลเวียนเพื่อให้แผลได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม แนะนำให้ใช้หลังที่ทำความสะอาดรอยแล้วหรือเมื่อใดก็ได้ที่เกิดอาการคัน
รอยสักที่หายดีแล้ว
เมื่อรอยสักหายดีแล้ว คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้บาล์มช่วยดูแลรอยสักแทน เพราะมันมีความชุ่มชื้นหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มากกว่าโลชั่นที่ทำให้ผิวของคุณดูสุขภาพดีและสีหมึกดูสดอยู่เสมอ ซึ่งบาล์มมาทั้งรูปแบบแท่งและตลับ บาล์มที่มอบความชุ่มชื้นสูงด้วยส่วนผสมที่ปกป้องผิวจากสภาวะภายนอกโดยไม่ทำให้ผิวรู้สึกมันเยิ้มหรือเหนียวเหนอะหนะหลังทา เหมาะสำหรับแผลรอยสักที่หายดีแล้วที่ที่คุณต้องการให้ผิวดูเงางามเป็นพิเศษ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้บาล์มแบบแท่งหรือตลับ คุณจะต้องทำความสะอาดแท่งบาล์มทุก ๆ ครั้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนหรือสิ่งสกปรกที่อาจติดเนื้อบาล์มได้
นอกจากนี้อย่าลืมติดตามสบู่ทำความสะอาดผิวใหม่ “รีเฟรช” ใช้สำหรับแผลที่หายดีแล้ว มันจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จึงทำให้ผิวดูสว่างใส ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
ก่อนที่คุณจะทำการซื้อสบู่ใหม่สำหรับอาบน้ำ คุณจะต้องทบทวนกับตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นสภาพผิวและส่วนผสมในสบู่ต่าง ๆ รวมถึงรอยสักใหม่และรอยสักเดิม หากคุณต้องการสบู่ทำความสะอาดที่มีกลิ่นหอม คุณจะต้องดูว่าน้ำหอมตัวนั้นจะไม่ทำให้ผิวของคุณระคายเคือง คุณจะต้องดูแลรอยสักใหม่สะอาดและเติมความชุ่มชื้นให้กับมันอยู่เสมอ เพื่อให้รอยสักอยู่คู่กับคุณไปนาน ๆ
Comments