สำหรับใครที่ทำการสักมาได้ระยะหนึ่งแล้วนั้นจะสังเกตได้ว่าจู่ ๆ ผิวในบริเวณรอยสักของคุณก็เกิดการลอกเป็นแผ่นสีขาว ๆ บาง ๆ แบบไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งยังทำให้รอยสักของคุณมีสีที่ซีดจางลงต่างจากช่วงแรก ๆ ที่รอยสักมีการเซตตัวและมีสีสันที่สดใสดูมีความเหมือนใหม่เป็นอย่างมาก และรู้หรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอะไรแล้วจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรให้รอยสักของคุณกลับมาดูเหมือนใหม่และมีชีวิตชีวาเหมือนกับการสักในครั้งแรกกันบ้าง วันนี้บทความของเราก็มีคำตอบว่ารอยสักลอก สีซีดจาง มีเส้นนูน เพราะอะไรไปดูกัน
รอยสักลอก สีซีดจาง มีเส้นนูน เพราะอะไร
รอยสักลอก อีกหนึ่งปัญหาของคนสักลายที่จะต้องเจอกันแทบจะทุกคนซึ่งจริง ๆ แล้วการที่ผิวหนังในส่วนนั้นเกิดการแห้งและการลอกออกนั้นก็ไม่ได้เกิดเฉพาะเพียงคนที่ทำการสักลายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดได้กับทุกคนและทุกสภาพผิวอีกด้วย แต่ในผู้ที่มีรอยสักหรือผ่านการสักลายมานั้นในช่วงระยะหนึ่งก็จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นซึ่งนั่นก็นับเป็นเรื่องที่ปกติที่เราสามารถแก้ไขให้มันกลับมาเป็นเช่นเดิมและทำให้รอยสักของคุณที่มีสีซีดและมีเส้นนูนขึ้นนั้นกลับมาเป็นปกติได้อีกเช่นเดียวกัน
โดยสาเหตุที่รอยสักเกิดการลอกและมีสีซีดนั้นก็เกิดจากการที่ผิวของคุณได้รับการผลัดเซลล์ผิวในบริเวณผิวหนังชั้นนอกหรือที่เราเรียกกันว่า “ขี้ไคล” นั่นเอง โดยผิวในบริเวณนี้นั้นจะมีการลอกเป็นแผ่นบาง ๆ สีขาว ซึ่งอาจจะดูไม่เหมือนที่ใครและนั่นก็เป็นเพราะว่าผิวหนังในบริเวณนี้ได้รับการบาดเจ็บเนื่องจากแรงภายนอกซึ่งก็แน่นอนว่าในการสักนั้นจะต้องใช้เข็มขัดในการจี้ลงไปซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวในบริเวณนั้นเกิดการลอกในเวลาต่อมาหลังจากการสักนั่นเอง
อีกทั้งการได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงภายนอกนี้จะเป็นแรงที่ได้รับอย่างต่อเนื่องซึ่งหากมันความต่อเนื่องขึ้นก็จะทำให้เซลล์ผิวชั้นนอกแห้งตายและหลุดออกไปในที่สุดซึ่งในกระบวนการนี้ก็ถือว่าเป็นกระบวนการเสร็จสิ้นในการสักลายแล้วนั่นเอง โดยผิวหนังชั้นกำพร้าที่ได้ลอกออกไปนั้นก็จะลอกออกไปพร้อมกับสีหมึกส่วนเกิน เราจึงเห็นว่าทำไมบริเวณที่มีการลอกของรอยสักจึงมีสีซีดตามไปด้วยแต่สีที่ถูกฝังลงในผิวหนังแล้วก็จะยังคงอยู่เช่นเดิม
และถึงแม้ผิวหนังในบริเวณนี้จะเกิดการลอกและเสร็จสิ้นกระบวนการของการสักลายเป็นที่เรียบร้อยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแผนในบริเวณนั้นจะหาอย่างสนิท ซึ่งก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดแผลเปิดได้อีกครั้งเช่นเดียวกัน ซึ่งก็จำเป็นที่จะต้องทำการดูแลผิวหลังจากอีกประมาณ 2-4 สัปดาห์โดยใช้วิธีการบำรุงด้วยครีม เจล หรือใช้ยาในการทาเพื่อที่จะทำให้ผิวหนังในบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้น ลดความแห้งตึง และยังคงต้องงดการใช้สบู่รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อีกด้วย
ดูแลอย่างไรไม่ให้รอยสักสีซีด แห้ง ลอก
ถ้าหากเราอยากป้องกันในเรื่องของการที่รอยสักมีสีซีดและเกิดการลอกแบบนี้นั้น ก็สามารถที่จะทำการดูแลในเบื้องต้นได้โดยมีวิธีการดังนี้
1.การให้ความชุ่มชื้นต่อผิวอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
การให้ความชุ่มชื้นต่อผิวนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ที่ทำการสักมาพึงกระทำเพราะแน่นอนว่าหลังจากการสัก ผิวหนังในบริเวณที่ได้รับการสักมานั้นจะเกิดความแห้งและตึง ซึ่งหากไม่ได้ดูแลอย่างถูกวิธีรวมไปถึงปล่อยปละละเลยก็จะทำให้ผิวในบริเวณนั้นมีความแห้งมากกว่าเดิม ซึ่งก็นำไปสู่การทำให้เกิดการลอกเป็นแผ่นและมีสีที่ซีดลงแบบนี้อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดความคันยิบ ๆ ในบริเวณนั้นได้อีกด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ในการให้ความชุ่มชื้นต่อผิวอย่างเป็นประจำและให้เกิดความเหมาะสม
โดยผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ก็จะต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม พาราเบน รวมไปถึงแอลกอฮอล์ ที่อาจทำให้ผิวและแผลในบริเวณที่คุณได้รับการสักมานั้นเกิดการติดเชื้อได้นั่นเอง ดังนั้นจึงควรให้ความชุ่มชื้นต่อผิวอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
2.เพิ่มสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
การเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระจะทำให้เกิดการกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดมาจากเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งก็จะเป็นการป้องกันรวมไปถึงการปกป้องไม่ให้เม็ดสีในบริเวณที่ได้รับการสักมานั้นถูกทำลายมากเกินกว่าปกตินั่นเอง โดยสามารถที่จะเลือกอาหารการกินรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ เพื่อที่จะทำให้ผิวในบริเวณที่ได้รับการสักมาที่เกิดการแห้งลอกหรือมีสีที่ซีดลงมีผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น
3.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารจากกรดไขมันและวิตามินดี 3
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารจำพวกกรดไขมันรวมไปถึงวิตามินดี 3 ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารจำพวกกรดไขมันนี้จะเป็นตัวช่วยอีกหนึงทางที่จะสามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวในบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินดี 3 รวมอยู่ด้วยนั้นก็จะทำให้ผิวในบริเวณนั้นเกิดความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นและทำให้อาการลอกที่พบเห็นมีความทุเลาลงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
4.ไม่ใช้สารกันแดดที่มีค่า SPF สูงเกินไป
แน่นอนว่าผู้ที่ทำการสักมานั้นเรื่องของการทาครีมกันแดดถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากแต่อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเลยก็คือการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีสารกันแดดไม่เข้มข้นจนเกินไป หรือที่มีสารกันแดดที่มีค่า SPF ไม่เกิน 50 นั่นเอง และขอเน้นย้ำว่าครีมกันแดดที่ใช้ก็ไม่ควรจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พาราเบน รวมไปถึงน้ำหอมอีกด้วย
แต่หากใครที่มีปัญหาเรื่องของสีหลังสักมาในระยะหนึ่งที่มีการซีดเนื่องจากขาดการดูแลอย่างต่อเนื่องนั้น ก็ควรเลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวในบริเวณรอยสัก เพื่อให้สีของรอยสักนั้นมีความสดและใหม่ขึ้นอย่างการเลือกใช้บาล์มดูแลรอยสัก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้ผิวหลังสักในระยะหนึ่งของคนที่มีการซีดไปนั้นสามารถดูเหมือนใหม่ได้อีกครั้ง
ซึ่งหากได้ทำตามวิธีการเหล่านี้แล้วนั้น ในเรื่องของปัญหาผิวในบริเวณหลังสักที่เกิดการแห้งลอก มีสีซีด รวมไปถึงมีเส้นนูน ๆ ขึ้นแบบนี้นั้นก็จะทุเลาลง และสามารถที่จะหายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับระเบียบวินัยในการดูแลตัวเองของคุณหลังจากการสักมาอีกด้วย
เพราะหากคุณปล่อยปละละเลยและไม่ใส่ใจในสิ่งนี้นั้นแน่นอนว่าปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องของรอยสักจะตามมาอีกอย่างแน่นอนไม่เว้นแม้แต่ปัญหาของการเกิดผิวแห้งที่จะทำให้คุณนั้นได้รับบาดเจ็บได้อีกด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาในเรื่องของวิธีดูแลตัวเองหลังจากสักใหม่ให้ดีเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นหลังจากการสักด้วยนั่นเอง
Comments